ประวัติวัดมิ่งเมือง อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด

ประวัติวัดมิ่งเมือง อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด

วัดมิ่งเมือง (วัดกลางมิ่งเมือง) แต่เดิมสังกัดคณะมหานิกาย จากประวัติศาสตร์เมืองเสลภูมิได้กล่าวถึงวัดมิ่งเมืองไว้ว่า เดิมมีชื่อเรียกว่า วัดกลางมิ่งเมือง สังกัดการปกครองคณะสงฆ์มหานิกาย ไม่มีหลักฐานในการก่อสร้างที่ชัดเจน แต่สันนิษฐานว่าได้สร้างขึ้นพร้อมกับการตั้งเมืองเสลภูมิ หรือหลังจากการสร้างเมืองเสลภูมินิคมไม่นานนัก
ที่ได้ชื่อว่าวัดกลาง เพราะได้ตั้งอยู่กลางเมืองเสลภูมินิคม เจ้าอาวาสรูปแรก คือ ญาคูพระลูกแก้ว (นามสมณศักดิ์ที่ได้รับจากพิธีเถราภิเษกตามธรรมเนียมชาวล้านช้าง) คณะสงฆ์เมืองเสลภูมินิคมแบ่งการปกครองออกเป็นอำเภอเหนือ อำเภอใต้ พระครูพิทักษ์อมรพันธ์ (ญาครูพระลูกแก้ว) ดำรง ตำแหน่งเจ้าคณะแขวงใต้ พระครูอุตตรานุรักษ์ (ญาครูพระหลักคำ) วัดศรีทองนพคุณ ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะเหนือ ในขณะนั้นพระครูพิทักษ์อมรพันธ์ (ญาครูพระลูกแก้ว) มรณภาพลง พระครูอุตตรานุรักษ์ (อินทร์) ได้ผนวกอำเภอเหนือและใต้เข้าด้วยกันในปี พ.ศ. ๒๔๗๙ หลังจากนั้น พระครูอุตตรานุรักษ์ (อินทร์) ได้ลาสิกขาทำให้ตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอว่างลง

ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๘๐ ได้เปลี่ยนชื่อวัดกลาง มาเป็นวัดมิ่งเมือง ซึ่งมีสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (อ้วน ติสฺโส อดีตปฐมสังฆนายกไทย) เมื่อดำรงตำแหน่ง เจ้าคณะมณฑลนครราชสีมา สมณศักดิ์ที่ พระพรหมมุนี และเจ้าอาวาสวัดบรมนิวาส กรุงเทพมหานคร มีบัญชา ให้พระครูวิโรจน์ผดุงศาสน์ (บุญเรือง ปภสฺสโร) เจ้าอาวาสวัดสุปัญญารามและรักษาการเจ้าคณะแขวงเสลภูมิ มาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดกลาง และเจ้าคณะแขวงเสลภูมิ พร้อมกันนี้ได้ประทานนามวัดใหม่ว่า “วัดมิ่งเมือง”  เปลี่ยนสังกัดการปกครองคณะมหานิกาย (ม) มาเป็นคณะธรรมยุตนิกาย (ธ)
ซึ่งในยุคนี้ได้มีการพัฒนาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นทั้งเรื่องการศึกษา จัดแผนผังวัดใหม่ให้เป็นระบบระเบียบ ตั้งเป็นสำนักเรียนวัดมิ่งเมือง และได้รับคัดเลือกเป็นสำนักเรียนชั้นโท มีนักธรรมและบาลี  มีการเรียนการสอนและสอบเป็นมหาเปรียญธรรมกันได้เป็นจำนวนมาก  ส่วน ทางโลกก็รับอนุเคราะห์ลูกชาวบ้านมาพักอาศัยเรียนปริยัติธรรมสามัญศึกษา อบรมสั่งสอนให้มีระเบียบวินัย ได้ประโยชน์แก่สังคมอย่างมาก วัดมิ่งเมืองได้ขยายเนื้อที่วัดออกไปมากกว่าเดิม
นอกจากนี้ พระครูวิโรจน์ผดุงศาสน์ (บุญเรือง ปภสฺสโร) ได้รับสมณศักดิ์และดำรงตำแหน่งที่สำคัญ ดังนี้ พระครูสัญญาบัตรชั้นพิเศษที่ พระครูวิโรจน์ผดุงศาสน์ เจ้าคณะจังหวัดร้อยเอ็ด (ธ)เป็นเจ้าคุณชั้นสามัญที่ พระประภัสสรมุนี เป็นเจ้าคุณชั้นราชที่ พระราชสิทธาจารย์ ตามลำดับมา

พระราชสิทธาจารย์ (บุญเรือง ปภสฺสโร) มีผู้คนเคารพนับถือจำนวนมาก ท่านได้ปรับปรุงส่งเสริม ขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมพื้นบ้านเกี่ยวกับพระศาสนา เช่น ประเพณีถวายเทียนพรรษาแต่โบราณในวันเข้าพรรษา คือ วันเพ็ญเดือนแปด เป็นต้น
ชาวบ้านในเขตอำเภอเสลภูมิแต่ละครัวเรือนทำธูปเทียนไปถวายวัดในหมู่บ้าน ซึ่งในสมัยนั้นมีท่านขุนปราณีจีนธานี (ชะลูด  สิงห์ประเสริฐ) เป็นนายอำเภอเสลภูมิ ระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๘๑ – ๒๔๘๘ และได้จัดให้มีการรวมกลุ่มเป็นหมู่ (เป็นคุ้ม) เข้าขบวนแห่เพื่อให้เกิดความสามัคคี ทางอำเภอเสลภูมิได้จัดให้มีประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษาเป็นประจำทุกปี จนถึงปัจจุบันนี้

เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๘ พระราชสิทธาจารย์ (บุญเรือง ปภสฺสโร) ได้มรณภาพลง คณะทายกทายิกาได้กราบอาราธนา พระครูวินัยรสสุนทร (รส  ปญฺญาพโล) เจ้าอาวาสวัดสุปัญญาราม ในขณะนั้น และเจ้าคณะอำเภอเสลภูมิ–อาจสามารถ (ธรรมยุต) มาเป็นเจ้าอาวาสแทน ซึ่งท่านเป็นสหธรรมิก ของท่านเจ้าคุณพระราชสิทธาจารย์ (บุญ เรือง ปภสฺสโร) เป็นคู่นาคกันในวันอุปสมบท พระครูวินัยรสสุนทร (รส ปญฺญาพโล) ได้จัดให้มีการแสดงธรรมแก่ประชาชน สืบทอดต่อมา และมีการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงเพิ่มเติมให้เจริญก้าวหน้าขึ้น การก่อสร้างปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกุฏิ วิหาร สร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรม และสร้างกำแพงรอบวัด ด้านการศึกษาอบรมจัดตั้งขึ้นให้ชื่อว่า “ศูนย์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาและวัฒนธรรมวัดมิ่งเมือง”

ปี พ.ศ. ๒๕๑๑ วัดมิ่งเมืองได้รับการคัดเลือกให้เป็นวัดพัฒนาตัวอย่าง ของกรมการศาสนา
ปี พ.ศ. ๒๕๑๔ วัดมิ่งเมืองได้รับการคัดเลือกให้เป็นวัดพัฒนาตัวอย่าง ของกรมการศาสนา เป็นปีที่ ๒
ปี พ.ศ. ๒๕๒๑ พระครูวินัยรสสุนทร เริ่มรวบรวมและจัดตั้งเป็นทุนนิธิขึ้น เพื่อจัดตั้งเป็นมูลนิธิ ต่อไป
ปี พ.ศ. ๒๕๒๒ จัดตั้งศูนย์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาและวัฒนธรรม
ปี พ.ศ. ๒๕๓๐ พระครูวินัยรสสุนทร ได้มรณภาพ

พระมหาสายัณห์ ปญฺญาวชิโร  ซึ่ง ทางสภาการศึกษามหามกุฏราชวิทยาลัย มหาวิทยาลัยสงฆ์ ส่งมาปฏิบัติศาสนกิจที่วัดมิ่งเมือง ทั้งยังเป็นลูกศิษย์วัดมิ่งเมืองที่เคยอุปัฏฐากพระครูวินัยรสสุนทร มาดำรงตำแหน่ง เลขานุการศูนย์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาและวัฒนธรรม วัดมิ่งเมือง ด้วยเป็นพระหนุ่มที่รุ่นใหม่ไฟแรงและได้ดำเนินรอยตามบุรพาจารย์ในด้านการพัฒนา จึงได้ รับการแต่งตั้งให้เป็น เจ้าอาวาสวัดมิ่งเมือง เจ้าคณะอำเภอเสลภูมิ (ธ) และได้รับพระราชทานตั้งสมณศักดิ์เป็น พระครูสัญญาบัตรเจ้าคณะอำเภอชั้นเอก ในพระราชทินนามที่ พระครูเอกุตตรสตาธิคุณ และได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ขึ้นตามลำดับ
จนเป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดร้อยเอ็ด (ธรรมยุต) ในพระราชทินนามที่ พระสุทธิสารโสภณ และเลื่อนมาเป็นเจ้าคุณชั้นราชที่ พระราชปริยัติวิมล ท่านได้สานต่อเจตนารมณ์ของอดีตเจ้าอาวาสวัดมิ่งเมืองทั้งสองรูปด้วยดีตลอดมา
ปี พ.ศ.๒๕๓๑ ได้รับการคัดเลือกเป็นวัดพัฒนาตัวอย่างที่มีผลงานดีเด่น ของประเทศ
ปี พ.ศ. ๒๕๓๒ จัดตั้งเป็น มูลนิธิปัสสรปัญญาพล เพื่อเอาดอกผลมาบำรุง ส่งเสริมการศึกษา

การเผยแผ่ การสาธารณูปการ การปฏิบัติธรรม การส่งเสริมอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรมของท้องถิ่น ตามที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้
ปี พ.ศ. ๒๕๓๒ จัดตั้งเป็น ศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ วัดมิ่งเมือง และได้รับคัดเลือกเป็นศูนย์ศึกษาที่มีผลงานดีเด่น ระดับประเทศในปีการศึกษา ๒๕๓๙ ในขณะเดียวกัน พระราชปริยัติวิมล (สายัณห์ ปญฺญาวชิโร) ได้พัฒนาวัดให้เป็นไปตามกระแสของสังคมในยุคปัจจุบัน
ปี พ.ศ. ๒๕๓๔ จัดตั้งเป็นโรงเรียนวิโรจน์ผดุงศาสน์ พระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษาในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและขยายเป็นระดับ มัยมศึกษาตอนปลายในปี พ.ศ.๒๕๓๗ สายวิทยาศาสตร์

วัดมิ่งเมือง ได้มีการยึดเอาหลักการพัฒนาทั้งในด้านศาสนวัตถุและศาสนบุคคล เป็นสำคัญ  เริ่มต้นจากเจ้าอาวาสรูปแรกซึ่งเป็นการปกครองจากคณะมหานิกาย จนมีการเปลี่ยนแปลงมาเป็นคณะธรรมยุต มีลำดับเจ้าอาวาสดังนี้
๑. พระครูพิทักษ์อมรพันธ์ (ญาครูพระลูกแก้ว)
๒. พระครูอุตตรานุรักษ์ (อินทร์)
๓. พระราชสิทธาจารย์ (บุญเรือง ปภสฺสโร)
๔. พระครูวินัยรสสุนทร (รส  ปญฺญาพโล)
๕. พระราชปริยัติวิมล (สายัณห์ ปญฺญาวชิโร ป.ธ.๔,ศน.บ.,M.A.,Ph.D.) เจ้าอาวาสวัดมิ่งเมืองรูปปัจจุบัน

ปัจจุบันวัดมิ่งเมือง ตั้งอยู่เลขที่ ๑๔๘ หมู่ที่ ๓ ตำบลกลาง อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด รหัสไปรษณีย์ ๔๕๑๒๐
จากอดีต ถึงปัจจุบันวัดมิ่งเมืองมีบทบาทในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ดังจะเห็นได้ว่า วัดมิ่งเมือง เป็นวัดที่มีพระเถระผู้ใหญ่เข้ามาตรวจเยี่ยมอยู่เสมอมิได้ขาด นับตั้งแต่
-สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (อ้วน ติสฺโส) สมเด็จพระสังฆราช (สมัยดำรงตำแหน่งเจ้าคณะมณฑลนครราชสีมา) วัดบรมนิวาส  กรุงเทพมหานคร
-สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ ประธานเจ้าคณะภาค ๘,๙,๑๐ และ ๑๑ วัดนรนาถสุนทริกราม
-สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ วัดมกุฏกษัตริยาราม กรุงเทพมหานคร
-สมเด็จพระญาณวโรดม วัดเทพศิรินทราวาส กรุงเทพมหานคร
-พระพรหมมุนี (แม่กองธรรมสนามหลวง) วัดบวรนิเวศน์วิหาร เป็นต้น

ทาง ด้านประวัติพระพุทธศาสนาแพร่เข้ามาสู่อำเภอเสลภูมิก่อน ปี พ.ศ. ๒๑๙๘ แสดงให้เห็นถึงความเจริญมั่นคงของพระพุทธศาสนาได้เป็นอย่างดี นับแต่พระพุทธศาสนายุค ศรีสันตนาคนหุต แพร่เข้าสู่ภาคอีสานของประเทศไทย  ทำ ให้พระพุทธศาสนาได้เจริญรุ่งเรืองเป็นลำดับมา จนกระทั่งคณะธรรมยุตนิกายได้แพร่ขยายเข้ามาสู่ภาคอีสาน และแพร่เข้ามาในอำเภอเสลภูมิมีวัดมิ่งเมืองเป็นต้น จึงทำให้วัดมิ่งเมืองได้รับการพัฒนาให้เจริญเป็นลำดับ และเป็นศูนย์รวมของการเผยแผ่ธรรม ทำให้พระพุทธศาสนาเจริญมากยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าชาวอำเภอเสลภูมิส่วนใหญ่จะประกอบอาชีพเกษตรกรรมก็ตาม แต่ศรัทธาของชาวอำเภอเสลภูมิที่มีต่อพระพุทธศาสนานั้นมีเป็นอย่างมาก และทำให้อำเภอเสลภูมิ เจริญรุ่งเรือง ชาวอำเภอเองมีความสมัครสมานสามัคคีกันเป็นอย่างดี

ที่มา  http://www.thammayoot.com/blog
----------------------------------------------------------------
ขอแนะนำเว็บไซต์ เจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น (วัดศรีจันทร์ พระอารามหลวง)  www.watsrijan.com
เว็บไซต์ สำนักงาน เจ้าคณะภาค9 ธรรมยุต (วัดป่าแสงอรุณ จ.ขอนแก่น)  www.thammayoot.com

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น