วัตรทรงธรรมกัลยาณี
แนะนำสำนักฯ และเจ้าสำนักฯ
วัตรทรงธรรมกัลยาณี (ทรงธรรมกัลยาณีภิกษุณีอาราม) มีพระมหาโพธิธรรมาจารย์ ภิกษุณีโพธิสัตต์ วรมัย กบิลสิงห์ ได้ก่อร่างสร้างไว้ด้วยทุนส่วนตัว ร่วมกับลูกหลานญาติมิตรฝ่ายโพธิสัตต์ เป็นสถานที่สำหรับผู้มี “หลักใจ” ในการปฏิบัติธรรมเพื่อสร้างบารมีตามรอยพระพุทธองค์เพื่อพุทธภูมิในภายหน้า ตัวอาคารเป็นตึกสามชั้นงามสง่า ตั้งอยู่ในบริเวณเนื้อที่กว่า 6 ไร่ ประกอบด้วย โบสถ์ พระวิหาร พระอาราม ตึกกรรมฐาน ฯลฯ
พระภิกษุณีโพธิสัตต์ วรมัย กบิลสิงห์ นั้น บรรดาลูกหลานเรียกท่านว่า“หลวงแม่” หรือ“หลวงย่า” ท่านถือกำเนิดที่จังหวัดราชบุรี เมื่อ พ.ศ. 2451 ท่านได้รับการศึกษาจากโรงเรียนสตรีวัดมหาพฤฒาราม โรงเรียนอัสสัมชัญ และไปเรียนที่ปีนังระยะหนึ่ง ท่านเป็นครูพลศึกษาหญิงคนแรกของเมืองไทย มีความถนัดทางมวยไทย ดาบไทย ดาบฝรั่ง และยูโด กับวิชาป้องกันตัว และการบริหารร่างกายกับการกีฬา ฯลฯ ท่านเป็นศิษย์ของอาจารย์กิมเส็ง ทวีสิทธิ์ และอาจารย์ทิม อติเปรมานนท์ ฯลฯ
ท่านสอบได้วุฒิทางการศึกษา (วุฒิ พ.ป.) และเป็นครูพลศึกษาที่โรงเรียนเบญจมราชาลัย กรุงเทพฯ ท่านอบรมสั่งสอนศิษย์ให้เป็นผู้มีความมานะอดทนและได้พิสูจน์ให้นักเรียนเห็น โดยการเดินทางจากกรุงเพทฯ ถึงสิงคโปร์ด้วยจักรยานเมื่อ พ.ศ. 2475 นับเป็นสตรีไทยคนแรกที่ได้ทำสถิตินี้ เป็นการยืนยันว่าความมานะอดทนนั้นไม่ถูกจำกัดด้วยความแตกต่างทางเพศเมื่อ สมรสแล้ว ท่านย้ายไปเป็นครูที่โรงเรียนสตรีประจำจังหวัดตรังในระหว่างสงครมโลกครั้ง ที่สอง ท่านลาออกจากราชการมาขายเครื่องเพชรนิลจินดา ได้เขียนตำราเพชรนิลจินดาลงในนิตยสาร“แม่บ้านการเรือน” พ.ศ. 2493 ต่อมาได้เป็นบรรณาธิการผู้ช่วยหนังสือพิมพ์ไทยใหม่วันจันทร์ ท่านสนใจงานประพันธ์ โดยเริ่มมีผลงานเผยแพร่มาตั้งแต่อายุ 17 ปี
เมื่อ พ.ศ. 2497 นายแพทย์ตรวจพบว่ามีเนื้องอกในมดลูกจึงต้องผ่าตัด และขณะเดียวกันท่านก็ได้รับการรักษาจากหลวงพ่อวัดปากน้ำ อำเภอภาษีเจริญด้วย เมื่อผ่าตัดแล้วกลับไม่พบเนื้องอก ด้วยเหตุนี้ท่านจึงหันมาสนใจศึกษาวิธีการรักษาของหลวงพ่อวัดปากน้ำ ท่านได้เรียนสมาธิกับหลวงพ่อพระมงคลเทพมุนี วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ จนได้พระธรรมกายขั้นสูง แล้วจึงเรียนวิปัสสนาแบบวัดมหาธาตุสำเร็จได้ฟังเทศน์ลำดับญาณ จากนั้นก็เรียนและปฏิบัติวิปัสสนาแบบหลวงพ่อลี วัดอโศการาม
เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2499 รับศีล ปลงผม และนุ่งห่มสีเหลืองอ่อนที่วัดบวรนิเวศวิหาร มีท่านเจ้าคุณพรหมมุนี (ผิน ธรรมประทีป) เป็นพระอุปัชฌาย์ ต่อมาเดือนพฤษภาคม 2503 ท่านได้เดินทางไปอินเดียและได้อธิฐานจิตต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอบวชเป็นภิกษุณีใต้ต้นศรีมหาโพธิ์พุทธคยา ต่อมาอาจารย์ฉัตรสุมาลย์ กบิลสิงห์ บุตรีของท่านซึ่งเดินทางไปศึกษาศาสนาในระดับปริญญาเอกที่ประเทศแคนาดา ได้ค้นคว้าเกี่ยวกับการบรรพชาอุปสมบทของภิกษุณี และพบว่าการบรรพชาอุปสมบทของภิกษุณีในประเทศไต้หวันได้สืบทอดมาอย่างถูกต้อง จากพระภิกษุณีในลังกา ดังนั้นในปี พ.ศ. 2514 ท่านจึงได้เดินทางไปรับการบรรพชาอุปสมบทเป็นภิกษุณีที่ไต้หวัน โดยมีพระคุณท่านศาสตราจารย์เต้าอันแห่งสำนักวัดเขาตุงชาน เป็นองค์อุปัชฌาย์พร้อมด้วยพระอาจารย์อีก 9 องค์ มีกรรมวาจาจารย์ 2 องค์และพระพี่เลี้ยง 2 องค์ ได้รับฉายาว่า“สือ ต้า เต้า ฝ่าซือ” แปลว่า“พระมหาโพธิธรรมาจารย์ วงศ์ศากยะ”
หลวงแม่ธัมมนันทา ภิกขุนี ท่านเป็นบุตรีของพระภิกษุณีโพธิสัตต์ วรมัย กบิลสิงห์ ท่านซึ่งเดินทางไปศึกษาศาสนาในระดับปริญญาเอกที่ประเทศแคนาดา ได้ค้นคว้าเกี่ยวกับการบรรพชาอุปสมบทของภิกษุณี และพบว่าการบรรพชาอุปสมบทของภิกษุณีในประเทศไต้หวันได้สืบทอดมาอย่างถูกต้อง จากพระภิกษุณีในลังกา ในพ.ศ. 2544 โดยเริ่มบรรพชาที่วัดตโปทานราม ในกรุงโคลอมโบ โดยมีอนุนายกธัมมโลกเป็นผู้จัดการบวชให้ อุปฌาย์ฝ่ายภิกษุณีคือท่านระหะตุงโคทะ สัทธา สุมนา หลังจากครบ 2 ปี ตามเงื่อนไขพระวินัยแล้ว จึงกลับมาอุปสมบทที่วัดเดิมใน พ.ศ. 2546
การอบรม
รับเฉพาะเพศหญิง เป็นสมาชิกของมูลนิธิพุทธสาวิกา (สมัครเป็นสมาชิกได้ ปีละ100 บาท)
ตามนัดหมายเข้ามาเป็นกลุ่ม 3, 5, 7 วัน และวันนักขัตฤกษ์ (รับกลุ่มละ 20-30 คน)
ที่อยู่-การติดต่อ
แผนที่-การเดินทาง
- 29261 reads
ความคิดเห็น
อยากทราบกฎเกณฑ์การขอบวชเป็นสามเณรี และภิกษุณี โดยละเอียดค่ะ
เรียนปรึกษาค่ะ ปกติดิฉันจะมีวันว่าง คือเสาร์-อาทิตย์ อยากที่จะเข้าไป ฝึกปฏิบัติธรรมค่ะ
แต่ไม่ทราบว่าจะสามารถฝึกเพียงแค่ 2วันได้หรือไม่ และจะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
ปัจจุบัน ดิฉันอยู่ที่ อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ค่ะ ได้ทราบข่าวสำนักปฏิบัติธรรมนี้
จากรายการโทรทัศน์ น่าจะเป็นช่อง ThaiPBS
ตั้งใจไว้ว่า วันศุกร์เลิกงานตอนเย็นจะขับรถตรงไปนครปฐมเลยค่ะ รบกวนตอบข้อปรึกษา
นี้ด้วยนะคะ
ขอบพระคุณค่ะ
ณัฐกฤตา(ดีใจวงษ์)ภู่สุดแสวง
ขอปฏิบัติธรรมกับหลวงแม่สัก ๕ วัน เพื่อให้จิตมีสติ มีสมาธิ ในการทำงาน ภาระอันมากมาย บางครั้งทำให้ท้อ รับราชการครู ที่โรงเรียนวัดบางคูวัด อ.เมือง จ.ปทุมธานี ในตำแหน่งครู คศ.๓ เป็นหัวหน้าวิชาการโรงเรียนค่ะ สามีเป็นมะเร็ง มีลูกชายเรียนอยู่ม.๕ ทั้งบ้านและโรงเรียนวุ่นวายไปหมด เพราะจิตหนูไม่สงบ อยากปฏิบัติธรรม คิดมานานแล้ว แต่หาโอกาสไม่ได้ค่ะ สอนหนังสือเด็กซึ่งเป็นหน้าที่ ที่ยิ่งใหญ่ ไม่สามารถทิ้งเด็กตาดำๆมาปฏิบัติธรรมได้ ตอนนี้ปิดภาคเรียนที่๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๖ จริงๆแล้วครูไม่ได้ปิดหรอกค่ะ แต่หนู ขอปิดตัวเองซัก ๕ วันเพื่อนำธรรมะ ไปสู่นักเรียนและเพื่อนครู ที่ทุกวันนี้ มีแต่แก่งแย่งชิงดีกันในทางที่ไม่ถูกต้อง ขอหลวงแม่ โปรดอนุเคราะห์ลูกด้วยนะเจ้าคะ
แสดงความคิดเห็น